Auto Draft

ข่าเหลือง พืชผลัดถิ่นจากแดนใต้สู่แดนอีสาน

การปรุงอาหารที่ขาดเครื่องเทศดีๆ รสชาติของอาหารเหล่านั้นจะไม่กลมกล่อม เหมือนกับการปรุงอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศคุณภาพที่มีความกลมกล่อมซึ่งมาพร้อมกับรสชาติที่โดดเด่น แน่นอนว่าข่าเป็นพืชกินหัวที่มีความสำคัญในเมนูอาหารของคนไทยอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่คนไทยนิยมใช้ในการประกอบอาหารจำพวกต้มยำ หรือทำพริกแกงเป็นต้น ซึ่งตอนนี้ ข่าเหลือง กำลังเป็นที่จับตามองว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังมาแรงในภาคอีสานอย่างมาก เพราะมีความต้องการในการใช้ข่าเหลืองจำนวนมาก แค่ 2 จังหวัด ขอนแก่นและนครราชสีมา ก็มีความต้องการอยู่ที่ 400 ไร่ต่อปีแล้วซึ่งในปัจจุบันสามารถผลิตได้เพียง 100 ไร่ต่อปีเท่านั้น

การปลูกข่าเหลือง

จากข้อมูลของนักวิชาการได้ทำการวิจัยออกมาแล้วว่าการปลูก ข่าเหลือง นั้นจะต้องเป็นดินร่วนปนทราย ซึ่งจะทำให้น้ำไม่ขังอยู่ในดินมากเกินไป โดยเราต้องทิ้งระยะห่างระหว่างต้นข่าเหลืองอยู่ที่ 1 เมตร ซึ่งเราต้องขุดหลุมในการปลูกประมาณ กว้าง 40 เซนติเตร ยาว 40 เซนติเมตร และลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ เมื่อเตรียมดินและเตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้วเราก็ทำการปลูกข่าเหลืองโดยค่าพันธุ์ปลูกต่อ 1 ไร่จะอยู่ที่ 18,000 บาท ถึง 20,000 บาท เท่านั้น

ระหว่างการปลูกเราควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่ารดน้ำมากเกินไปเพราะพืชกินหัวอย่าง ข่าเหลือง นั้นจะไม่ชอบน้ำขังเนื่องจากทางเราให้น้ำมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดเชื้อราและทำให้หัวเน่าได้ เราควรใส่ปุ๋ยบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอ โดยระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวของข่าเหลืองนั้นจะอยู่ที่ 8 เดือน

การเก็บเกี่ยวข่าเหลือง

การเก็บเกี่ยว ข่าเหลือง นั้นมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ เหมาให้กับพ่อค้าคนกลางเลยโดยจะคิดเป็นไร่ ไร่ละ 50,000 ถึง 100,000 บาท ซึ่งราคานี้จะต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของข่าเหลืองด้วยเช่นกัน และวิธีที่สองจะคือเก็บเกี่ยวด้วยตัวเอง และทำความสะอาดข่าเหลืองให้เรียบร้อย ซึ่งวิธีที่สองนี้จะได้ราคากว่าวิธีที่ 1

ความต้องการของข่าเหลืองในตลาด

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ข่าเหลือง เป็นพืชที่ปลูกกันอยู่ทางใต้ แต่ด้วยความต้องการข่าเหลืองในปริมาณที่มากขึ้นทำให้มีการส่งเสริมให้ภาคอีสานปลูกข่าเหลืองกันมากขึ้น และด้วยปัญหาการขาดทุนจากการปลูกพืชชนิดเก่า โดยเกษตรกรแถวภาพอีสานส่วนมากแล้วจะปลูกมันสำปะหลังจะต้องลงทุนต่อไร่สูงถึง 12,000 บาท และใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว 1 ปี แต่ขายได้เพียง 15,000 บาทเท่านั้น

ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกษตรกรเริ่มหันมาปลูก ข่าเหลือง มากขึ้นซึ่งความต้องการในตลาดยังมีมากอยู่ โดยหลักแล้วข่าเหลืองจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าข่าทั่วไปคือ มีสีสันที่สวยงาม มีกลิ่นหอม และรสชาติที่ไม่เผ็ดร้อนจนเกินไป ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้นี่เองทำให้ข่าเหลืองเป็นที่นิยมและมีความต้องการของตลาดที่สูง นอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว ตลาดต่างประเทศยังต้องการข่าเหลืองเป็นจำนวนมากอีกด้วยเนื่องจากต้องการนำข่าเหลืองไปผลิตยาอีกด้วย

จากข้อมูลทีได้มาและหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมายืนยันจึงเชื่อแน่ว่า ในอนาคตข่าเหลืองอาจจะเป็นพืชเศรษฐกิจน้องใหม่อีกชนิดหนึ่งในภาคอีสานอย่างแน่นอน

ที่มา: http://www.thaiarcheep.com/ข่าเหลือง-พืชผลัดถิ่นจา.html
[fbcomments url="http://54.254.250.208/knowledge/%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b8%8a%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b2/" width="375" count="off" num="3" title="แสดงความคิดเห็น" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save