ปลูกข้าวให้หอม….ต้องพร้อมเรื่องธาตุอาหาร

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

ความนิยมในการปลูกข้าวหอมในพื้นที่ภาคกลางมีมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ความหอมนั้นส่วนใหญ่ก็จะแพ้ข้าวหอมมะลิที่ปลูกทางพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ภูเขาไฟเก่า อย่างจังหวัด บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีษะเกษ ซึ่งมีภูเขาไฟเก่าที่เป็นลักษณะกระจัดกระจายไม่ใหญ่เหมือนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียพื้นที่ภูเขาไฟเก่ามักจะเป็นที่นิยมในการเพาะปลูกมาแต่ครั้งเก่าก่อน ให้สังเกตได้จากประวัติศาสตร์ในอดีตว่าจะมีผู้คนชนชอบอยู่อาศัยหากินอยู่รอบๆ ภูเขาไฟตั้งรกราก สร้างหมู่บ้าน ทำการเกษตรเพาะปลูกกันอยู่แถวนั้นเพราะว่าพื้นที่รอบภูเขาไฟจะมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก เพาะปลูกอะไรก็เจริญเติบโต งอกงาม แบบไม่ต้องใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง แต่ข้อเสียก็คือในรอบหลายสิบ หลายร้อยล้านปีผ่านไป ภูเขาไฟที่ดูเหมือนเงียบสงบ  กลับปะทุระเบิดเกิดขึ้นตูมตามขึ้นมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้ประชาชนผู้คนที่อาศัยอยู่แถบนั้นหนีไม่ทัน ก็จะถูกลาวาภูเขาไฟคลอกตายเป็นจำนวนมากตายในสภาพกอดกัน เกาะกลุ่มกันดังที่เรา ท่านๆ ได้ทราบกันเป็นอย่างดี เพราะมีการนำมาฉายถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ เรื่องปอมเปอีนั่นเอง

ปัจจุบันการเพาะปลูกพืชแล้วมีการเจริญเติบโตดีไม่ต้องใส่ปุ๋ย ไม่ต้องฉีดยา และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเกษตรเชิงธรรมชาติก็มีให้ดูกันที่ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ดังที่ได้เกริ่นให้ฟังไปในย่อหน้าแรก เนื่องด้วยเกาะบาหลีเขาเป็นพื้นที่ภูเขาไฟเก่า ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในลักษณะที่พ่นออกมาทางปากปล่องและค่อยๆ ทับถมจนจากใต้ท้องทะเลลึกจนใหญ่โตเป็นเกาะบาหลีในปัจจุบัน เมื่อระยะเวลาผ่านไปหลายร้อยล้านปี พื้นที่ก็เริ่มแปรเปลี่ยนจนสมดุลต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต หินภูเขาไฟผ่านความร้อยประมาณหลายร้อยหลายพันองศาเซลเซียส เมื่อเย็นตัวลงก๊าซและไอน้ำระเหยออก เกิดรูพรุนมหาศาล และเปื่อยผุพังได้ง่าย กลายเป็นปุ๋ย เป็นอาหารให้สิ่งมีชิวิตต่างๆ ทั้งพืช สัตว์และจุลินทรีย์ จึงเหมาะอย่างมากต่อการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และการประมง

ถ้าจะมองกันเฉพาะในเรื่องแร่ธาตุและสารอาหาร หินแร่ภูเขาไฟก็ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะหินแร่ต่างๆ ที่ถูกหลอมละลายกลายเป็นสารอาหารที่พร้อมต่อการย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยได้ง่ายนั้นประกอบไปด้วย ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซี่ยม กำมะถัน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดินั่ม นิกเกิ้ล ไทเทเนียม ฯลฯ ซึ่งเกือบครบบริบูรณ์ที่จะทำให้พืชชนิดใดชนิดหนึ่งเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ เขาจะขาดก็แต่เพียง ธาตุไนโตรเจน ซึ่งโดยปรกติถ้าใช้ร่วมกับเศษไม้ใบหญ้า หรือปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ก็จะสมดุลกันพอดี

ข้าวสายพันธุ์ที่ดี สายพันธุ์ที่หอมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะปลูกอยู่พิ้นที่ใด ของประเทศไทย ถ้ามีการวิจัยพัฒนา ด้วยการให้แร่ธาตุและสารอาหารที่ครบถ้วน จนเขาสามารถนำทรัพยากรเหล่านี้ไปสะสมแปรเปลี่ยนผ่านโดยกระบวนการเมทาบอลิซึม (metabolism) จนกลายเป็นฮอร์โมน เป็นกลิ่นที่หอมตามสายพันธุ์ได้ไม่ยาก แต่ส่วนใหญ่เกษตรกรชาวไร่ชาวนา นำข้าวหอมสายพันธุ์ต่างๆ ไปเพาะปลูกแล้วไม่หอม ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งนั้น เพาะปลูกแบบการใช้สารเคมี และไม่เคยปรับปรุงบำรุงดินให้สมบูรณ์แบบธรรมชาติ ธาตุอาหารที่อยู่ในดินนั้นมีมากมายมหาศาล เพียงพอต่อการนำไปใช้

ประโยชน์ของข้าวแต่แร่ธาตุสารหารที่มนุษย์ซื้อมาฉีดไม่กี่กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรนั้นไม่เพียงพอจึงทำให้ข้าวที่หอม เมื่อนำไปปลูกต่างถิ่นจึงกลายเป็นข้าวไม่หอมไปเสีย

หลักการที่จะทำให้ข้าวหอมนำไปปลูกต่างถิ่นแล้วหอมเหมือนกันพื้นฐานก็ด้วยการทำให้ดินที่เพาะปลูกมีธาตุอาหาร หลัก รอง เสริม ให้มีอย่างครบถ้วนอย่างเดียวไม่พอที่สำคัญจะต้องให้เพียงพอด้วยความคิดที่จะปลูกข้าวหอมมะลิ ส่งออกไปทั่วโลกก็น่าจะใกล้เคียงความจริงขึ้นมาได้บ้างนะครับ

ที่มา: https://www.thaigreenagro.com/ปลูกข้าวให้หอมต้องพร้/

[fbcomments url="http://54.254.250.208/en/knowledge/15667/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save