Auto Draft

รวมกลุ่มปลูกไผ่เลี้ยงหวาน “ครบวงจร” แม่ค้าซื้อถึงที่-มีรายได้ทั้งปี

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

การปลูกไผ่เลี้ยงหวานเพื่อการค้าในปัจจุบันมีมากมายทั่วทุกภาคของประเทศ แต่การจัดการให้ได้คุณภาพและมีหน่อออกตลอดทั้งปีนั้น ยังมีคนที่ทำประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างน้อยโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ผลผลิตจะออกน้อย ยิ่งปลูกเอง ขายเอง แปรรูปเอง ยิ่งไม่ค่อยมีเลย

คุณบารมี วรานนท์วนิช เจ้าของสวนไผ่บารมี เลขที่ 24/2 ม.4 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โทร. 0860313173 เป็นคนหนึ่งที่ทำสวนไผ่เลี้ยงหวาน และสร้างเครือข่ายในชุมชน เพื่อปลูกไผ่เลี้ยงหวาน พร้อมกับรับซื้อ แปรรูปและทำตลาดโดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ไม่ต้องวิ่งหาตลาดส่ง คุณบารมี เล่าว่าได้มาอยู่ที่นี่เมื่อปี 2519 เริ่มต้นเป็นเกษตรกรด้วยการปลูกส้ม เมื่อปี 2544 ส้มได้ล้มสลายไป ไม่สามารถทำต่อได้ จึงเปลี่ยนไปปลูกกล้วยและเป็นพ่อค้ารับซื้อกล้วยจนถึงปี 2548 ซึ่งขณะนั้นเริ่มคิดว่าน่าจะปลูกพืชที่มีความยั่งยืนมากกว่ากล้วย เพราะกล้วยมีอายุสั้น ไม่ต้องการปลูกพืชตามกลไกตลาด เพราะมีโอกาสพลาดได้สูงและไม่ประสบความสำเร็จได้ จึงได้หันมาปลูกไผ่เลี้ยงหวานจำนวน 30 ไร่ ซึ่งตอนนั้นมีคนปลูกไผ่ประมาณ 70 กว่าราย พื้นที่ 2,000 กว่าไร่ ในปี 2550 เกษตรกรล้มเลิกการปลูกไผ่ไปเหลืออยู่คนเดียวคือคุณบารมี ซึ่งปัญหาที่พบตอนนั้น คือ ไผ่จะออกหน่อได้ 4 เดือนเท่านั้น อีก 8 เดือนไม่ออก หลังจากนั้นจึงได้ศึกษาวิธีการจัดการและเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ไผ่มีความยั่งยืน ออกหน่อตลอดทั้งปี และไม่ออกดอกและทำได้สำเร็จ จึงได้ชักชวนเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงสร้างเครือข่ายผู้ปลูกไผ่เลี้ยงหวานให้มีผลผลิตตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 20 ราย (อยู่ใน จ.ปทุมธานี และสระบุรี) ปลูกไผ่เลี้ยงหวานประมาณ 20,000 กอ แต่ที่สวนของตัวเองปลูกไผ่เลี้ยงหวานไว้ 5,000 กอ และมีโรงงานแปรรูปหน่อไม้เป็นของตัวเองไว้รองรับผลผลิตตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงที่หน่อออกมากในช่วงฤดูฝน (ก.ค.-ต.ค.) แปรรูปเก็บไว้เพื่อไม่ให้ล้นตลาดราคาถูก ต้องสร้างตลาดเองให้เกิดขึ้น “ครบวงจร” ปลูกเอง ขายเอง ที่บ้าน ไม่ต้องไปรอส่งตลาดใหญ่ๆ แข่งกันขายราคาจะถูก กำหนดราคาได้เอง โดยการปลูกไผ่เป็นอาชีพที่มีความยั่งยืนเพราะไม่ต้องเปลี่ยนต้นตอบ่อยๆ ปลูกไปแล้ว 10 ปียังสามารถให้ผลผลิตได้ ซึ่งถ้าสามารถกำหนดได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก โดยความสำเร็จเกิดได้จากผู้ปลูกมีหน่อไม้ขายทั้งปี มีรายได้ต่อเนื่อง โรงงานแปรรูปมีการจ้างงานไม่ขาดสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน นอกจากนี้พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อก็มีหน่อไม้ไปขายทั้งปี ไม่ต้องวิ่งหาหน่อไม้ตามตลาดอื่นๆ มีหน่อไม้ทุกวัน

คุณบารมี บอกว่า ไผ่เลี้ยงหวานจะไม่มีขนให้ระคายผิวเหมือนไผ่บางชนิด มีลำต้นไม่สูงมากนัก ไม่มีหนาม กิ่งแขนงน้อย ง่ายต่อการจัดการดูแล สามารถขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย ถ้าปลูกในพื้นที่น้ำขังต้องยกร่องเพื่อไม่ให้รากเน่า เพราะไผ่ไม่ชอบน้ำมาก ต้องวางระบบน้ำให้ทั่วทั้งสวนด้วยระบบสปริงเกลอร์จะเหมาะสมที่สุด ในหน้าแล้งต้องให้น้ำเป็นประจำ แต่ไม่ต้องให้น้ำมาก ถ้าน้ำท่วมขังไผ่จะตายภายใน 18 วัน น้ำจึงไม่ต้องให้มากแต่น้ำจะจำเป็นมากในการสลายปุ๋ยให้กับต้นไผ่ ซึ่งใช้เพียงเล็กน้อย

การปลูกไผ่เลี้ยงหวาน ให้ปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เมื่อได้รับความชื้นที่ดีจะทำให้ไผ่เจริญเติบโตได้ในทันที โตเร็ว ไม่หยุดชะงัก ใช้เหง้าในการปลูกจะให้ผลผลิตที่ดี สำหรับระยะปลูก ถ้าต้องการเก็บหน่อได้มากในช่วงแรกให้ปลูกไร่ละ 400 กอ จะให้หน่อมากในช่วง 2 ปีแรก และจะน้อยลงในปีต่อไป แต่ถ้าต้องการเก็บหน่อสม่ำเสมอในระยะยาวให้ปลูกไร่ละ 200 กอ เพราะต้นไผ่จะขยายกอได้เรื่อยๆ ในกอไผ่เลี้ยงหวานลำแต่ละลำจะห่างกัน 15-20 เซนติเมตร ทำให้กอไผ่โปร่ง ไว้กอละ 5-6 ลำเท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งอาหารกันมากเกินไป

การให้ปุ๋ย สามารถเลือกใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 18-16-8, 16-20-0, 25-7-7 ได้ การใส่ปุ๋ยจะใส่ในปริมาณที่น้อยโดยใส่ 50 กิโลกรัม/ไผ่ 1,000 กอ แต่ให้ใส่ทุกๆ 7-10 วัน เนื่องจากหน่อไม้ไผ่มีการเจริญเติบโตตลอดเวลา ภายใน 48 ชั่วโมง หน่อไม้จะมีสูงเพิ่มขึ้นถึง 25 เซนติเมตร ดังนั้นจึงต้องให้ปุ๋ยสม่ำเสมอดังกล่าว

ในช่วงฤดูฝนจะมีหน่อไม้ขึ้นมาก ทั้งหน่อไม้ที่ปลูกและหน่อไม้ป่า ราคาถูก ดังนั้นในช่วงนี้คือเดือน ก.ค.-ต.ค. จะไม่เร่งให้หน่อไม้ออกมามาก ลดการใส่ปุ๋ยลง ปล่อยลำไผ่มากขึ้น ไผ่จะออกหน่อได้น้อย ให้ต้นไผ่ได้สะสมอาหารให้สมบูรณ์ในช่วงนี้และค่อยไปเร่งการออกหน่อในปลายเดือนตุลาคม แต่ในช่วงนี้ก็ยังเก็บหน่อไม้ด้วยเช่นกัน นำมาบรรจุใส่ปี๊ปไว้ขายในช่วงที่ผลผลิตมีน้อย ราคาสูงกว่า

เมื่อปลูกไปแล้ว 5-6 เดือนจะเริ่มให้ผลผลิตได้ และให้ผลผลิตมากในช่วงแรกจนถึง 2 ปี จากนั้นจะลดลงบ้างแต่จะสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ เก็บได้วันเว้นวัน การเก็บเกี่ยว เมื่อหน่อไม้ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่ง ก็ตัดได้ ควรตัดหน่อไผ่ในตอนเช้า จะได้หน่อไม้ที่ไม่ขม ไม่ขื่น รสชาติดี ถูกใจผู้บริโภค ทั้งนี้หน่อไม้ขนาดเล็กก็สามารถเก็บได้เช่นกัน เพราะมีกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการหน่อขนาดเล็ก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย

สำหรับผลตอบแทนต่อไร่ ในพื้นที่ 1 ไร่ เก็บเกี่ยวได้อย่างน้อยครั้งละ 20-50 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 8 บาทขึ้นไป ในฤดูฝน แต่ถ้านอกฤดูฝนจะมีราคาซื้อขายที่กิโลกรัมละ 20 บาทเลยทีเดียว ปัจจุบันตลาดยังมีความต้องการสูงเนื่องจากยังมีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยโดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน ยังไม่พอกับความต้องการในแต่ละวัน ใน 1 กอ จะให้ผลผลิตหน่อไม้ประมาณ 80 กิโลกรัม/ปี ซึ่งสมาชิกในกลุ่ม 20 ราย จะมีหน่อไม้ส่งให้กับโรงงานวันละไม่ต่ำกว่า 500 กิโลกรัม และในช่วงที่มีผลผลิตมากจะสูงถึงวันละ 2,000 กิโลกรัม

การดูแลไผ่ให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น คุณบารมีบอกว่า ให้เริ่มการจัดการดูแลในเดือนพฤศจิกายน เดือนนี้ให้เริ่มสางกอ ตัดลำแก่ ตัดกิ่งแขนงเล็กออก เอาของเสียเศษใบไม้ หรือกิ่งฉีกหักต่างๆ ออกจากกอไผ่ให้หมด ต่อมาในเดือนธันวาคม เริ่มใส่ปุ๋ยช่วยฟื้นฟูสภาพต้นให้สมบูรณ์พร้อมในการออก เดือนมกราคมหน่อจะเริ่มทยอยออกขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเดือนมิถุนายน การจัดการนี้เป็นการจัดการในช่วงนอกฤดูให้ได้ราคาขายที่สูง

ไผ่เลี้ยงขยายพันธุ์โดยการใช้เหง้าเพียงอย่างเดียว จะใช้วิธีการตอนหรือปักชำไม่ได้ สังเกตได้ว่าเมื่อเราตัดหน่อไปแล้ว มันจะมีแขนงแตกออกมา 2 ง่าม เมื่อแม่แขนงมันแก่จะใช้เหล็กแทงเพื่อแยกเหง้าออกมาชำในถุงดำ วัสดุที่ใช้ชำเหง้าไผ่เลี้ยงจะใช้อัตราส่วนของหน้าดินต่อแกลบดำ = 1 : 1 และนำถุงชำมาวางไว้กลางแจ้ง มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยระบบน้ำสปริงเกลอร์ ไม่แนะนำให้นำเหง้าชำไปวางไว้ในที่ร่มมักจะตายในเวลาต่อมา ถุงชำเหง้าใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถุง 5-6 นิ้ว ชำไปนานประมาณ 2 เดือน นำมาปลูกหรือจำหน่ายได้ กิ่งพันธุ์ที่ใช้ได้ดีต้องไม่แก่เกิน 1.5 ปี หากแก่เกินไปโอกาสติดจะยาก

“สำหรับราคาขายผมจะรับประกันราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6 บาท และเพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ 20 บาท ตามผลผลิตรวมในแต่ละช่วง แต่ในขณะนี้รับซื้อในกิโลกรัมละ 8 บาท โดยจะซื้อมาดิบ นำมาคัดขนาดใหญ่เล็ก ตามความต้องการของลูกค้า นำมาต้มในน้ำร้อน 120 องศาเซลเซียส แล้วนำมาแช่น้ำเย็นเพื่อให้ปอกเปลือกออกได้ง่ายขึ้น เมื่อปอกเปลือกออกแล้วจากน้ำหนักหน่อไม้ดิบ 2 กิโลกรัม จะเหลือ 1 กิโลกรัม จะบรรจุใส่ถุงและรอลูกค้ามารับในเวลาสายๆ ไม่ต้องไปขายที่ตลาด จะมีลูกค้าประจำ” คุณบารมี กล่าว

ปัจจุบันสวนไผ่บารมีได้ขยายพื้นที่ปลูกเป็น 2 แปลง โดยแปลงแรก 30 ไร่ ปลูกมานาน 10 ปี ส่วนอีกแปลงประมาณ 20 ไร่  อายุเข้าปีที่ 2 ทั้งสองแปลงถือว่ากำลังให้ผลผลิตเต็มที่ และผู้อ่านท่านใดที่ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกไผ่หรือติดต่อซื้อขายใดๆ ก็ให้ติดต่อตามที่อยู่และเบอร์โทร.ข้างต้นนะครับ

ที่มา: https://www.kasetkaoklai.com/home/2017/01/รวมกลุ่มปลูกไผ่เลี้ยง/
[fbcomments url="http://54.254.250.208/en/knowledge/%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ab/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save