ชมพู่ทับทิมจันท์….สวนดังของราชบุรี ชมพู่คุณภาพส่งจีน

Sorry, this entry is only available in Thai. For the sake of viewer convenience, the content is shown below in the alternative language. You may click the link to switch the active language.

หากพูดถึงแหล่งปลูกชมพู่ทับทิมจันท์ขึ้นชื่อของบ้านเราแน่นอนว่าย่อมคิดถึง จ.ราชบุรี แหล่งปลูกชมพู่ที่รวมชาวสวนชมพู่ฝีมือดีไว้ที่นี่ และครั้งหนึ่งในยุคเฟื่องฟูของชมพู่ทับทิมจันท์ชาวสวนที่นี่ต่างก็ปรับเปลี่ยนพื้นที่สวนที่ปลูกพืชอื่นมาปลูกทับทิมจันท์กันอย่างคึกคัก สร้างรายได้อย่างมากมายและสร้างฐานะความเป็นอยู่แบบพลิกฐานะให้กับชาวสวนเมื่อชมพู่ทับทิมจันท์กลายเป็นผลไม้ส่งออกที่ชาวจีนชื่นชอบเป็นอย่างมาก จนผลผลิตชมพู่คุณภาพของบ้านเรากว่า 70% ส่งออกไปยังประเทศจีนด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงถึง 80-100 บาท/กก. เส้นทางชมพู่ทับทิมจันท์ของบ้านเราเหมือนจะสดใสเพราะมีตลาดจีนรองรับผลผลิตอยู่ แต่นับจากปี 2555 จีน ประกาศระงับการนำเข้าชมพู่จากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบแมลงวันผลไม้ติดไปกับผลผลิตถึง 125 ครั้ง ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าชมพู่รายใหญ่ของไทย ทางรัฐบาลไทยโดยกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการส่งออกจึงเจรจาจนเกิดการแก้ปัญหานี้ร่วมกันกับรัฐบาลจีนโดยกำหนดให้มีการควบคุมแมลงวันทองตั้งแต่ในสวนโดยกำหนดให้มีการห่อผลชมพู่ด้วยถุงพลาสติกหนาพิเศษ ขนาดความหนาประมาณ 12.5 ไมครอน ที่รับรองโดยกรมวิชาการเกษตรซึ่งจะตีตรากรมวิชาการเกษตรบนถุง ร่วมการจัดการด้านอื่นๆ โดยมีสวนชมพู่นำร่องในโครงการนี้ทั้งหมด 8 สวน หนึ่งในนั้นก็คือ สวนชมพู่ของ คุณสมชาย เจริญสุข ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพืช สภาเกษตรกร จ.ราชบุรี ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลประกวดผลไม้ประเภทชมพู่ รางวัลที่ 1 กับ ที่ 2 จากงานเกษตรแฟร์ ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ที่ผ่านมาหมาดๆไป ซึ่งที่ผ่านมาก็กวาดรางวัลการประกวดชมพู่จากเวทีประกวดต่างๆมาหลายรางวัล  เปลี่ยนสวนมะนาวมาเป็นชมพู่ทับทิมจันท์ยุคแรกๆ คุณสมชายเล่าว่า เขาเป็นคนราชบุรีโดยกำเนิด ก่อนหน้าที่จะมาทำสวนชมพู่เขาทำสวนมะนาวอยู่ 15 ไร่ พืชยอดฮิตของชาวราชบุรีในอดีตจนทำให้ที่นี่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ของมะนาวบ้านเรา แต่หลังจากที่ทับทิมจันท์เข้ามาปลูกในบ้านเราและกลายเป็นพืชมาแรงด้วยราคาที่พุ่งสูงเนื่องจากทับทิมจันท์สามารถส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีนได้ ประกอบกับมะนาวที่อายุมากเริ่มประสบปัญหาต้นเหลืองโทรมคุณสมชายจึงเปลี่ยนพื้นที่มะนาวมาเป็นสวนชมพู่ทั้งหมดเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ถือเป็นสวนชมพู่ทับทิมจันท์ยุคแรกๆของจังหวัดราชบุรีเลยทีเดียว โดยซื้อกิ่งพันธุ์มาจากจันทบุรี เริ่มจาก 200 กิ่ง แล้วขยายกิ่งจากต้นในแปลงของตัวเองปลูกเพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ 15 ไร่ ปัจจุบันชมพู่อายุ 15 ปี มีประมาณ 550 ต้น ปลูกบนร่องแทนมะนาว ใช้ระยะปลูก 4×4 เมตร ชมพู่ที่สวนแม้จะอายุมากถึง 15 ปี แล้ว แต่คุณสมชายจะตัดต้นเพื่อควบคุมทรงพุ่มไม่ให้ต้นสูง ซึ่งจะง่ายต่อการดูแลและจัดการด้านต่างๆทั้งให้น้ำ พ่นปุ๋ย ยา ประหยัดต้นทุนอีกด้วย เทคนิคการผลิตชมพู่คุณภาพ ให้เก็บขายได้ช่วงแพง คุณสมชายบอกว่า พืชทุกชนิดจะมีช่วงราคาแพงอยู่ ชมพู่ก็เช่นเดียวกัน โดยช่วงฤดูกาลปกติหรือที่เรียกว่าหน้าปีของชมพู่จะเป็นชุดที่ออกดอก พ.ย.-ธ.ค. และไปเก็บช่วง มี.ค.-เม.ย. และดอกที่ออกช่วง มี.ค.-เม.ย.ก็ต้องปลิดทิ้งตลอดเพราะเราไม่เอาผลผลิตชุดนี้ นอกจากชมพู่ที่เก็บช่วงนี้จะชนกับผลไม้หลายชนิดแล้ว ผลผลิตชมพู่ยังเสียหายจากอากาศที่ร้อนทำให้ผลคายน้ำและอบอ้าว ถุงจะแนบติดกับผิวผลทำให้เกิดผิวเปื่อย อีกทั้งชมพู่หน้าฝนมักมีปัญหาไม่เข้าสี ไม่หวาน ด้วยชมพู่จะมีราคาแพงช่วง ก.ค.-ก.ย. ซึ่งชมพู่ที่จะออกช่วงนี้ต้องเริ่มตัดแต่งกิ่งและเตรียมต้นตั้งแต่เดือนเมษายน ออกดอกช่วง พ.ค.-มิ.ย. โดยจะเก็บผลผลิตช่วงกลางเดือนมีนาคมเป็นชุดสุดท้าย ช่วงสะสมอาหาร บำรุงต้นคุณสมชายจะใส่ปุ๋ย 15-5-20 สลับกับ 12-12-17 ซึ่งชมพู่จะออกดอกติดผลตลอดหลายชุด ปริมาณปุ๋ยที่ให้จะดูว่าถ้าช่วงนั้นไม่มีดอกจะอัตรา 2 ขีด/ต้น ถ้ามีดอกจะใส่ 4.5-5 ขีด/ต้น ใส่ปุ๋ยทุก 7 วัน เมื่อต้นพร้อมหรือใบแก่พร้อมก็จะมีการตัดแต่งกิ่งโดยตัดปลายกิ่งที่มีสีน้ำตาลออก หลังตัดแต่งกิ่งสัก 10 กว่าวัน ชมพู่ก็จะออกดอกแล้ว คุณสมชายบอกว่าชมพู่ที่มีการใส่ปุ๋ยบำรุงอยู่ตลอดจะทำให้ต้นสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอกในช่วงที่ต้องการได้ ทางใบจะใช้ 7-12-40+สังกะสีพ่นเป็นครั้งคราวในช่วงที่สภาวะอากาศไม่เหมาะสม การใส่ปุ๋ยจะเน้นทางดินเป็นหลัก เมื่อก่อนเคยให้สารพัดและธาตุอาหารซึ่งต้นทุนสูงมาก แต่หลังจากที่ปรับเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยทางดินเป็นหลักและลดสารพัดธาตุอาหารเสริมทางใบลงไป ผลที่ได้ก็ไม่แตกต่างกัน นอกจากนี้ก็จะแคลเซียม-โบรอนที่ต้องพ่นให้อย่างต่อเนื่องทุก 7 วันพร้อมกับการพ่นสารเคมีโดยสารเคมีกำจัดเชื้อโรคที่ใช้ก็จะมี แอนทราโคล ไดเทนเอ็ม ส่วนสารฆ่าแมลงก็จะมีมาลาไทธอน คลอร์ไพรีฟอส พ่นสลับกันไป คุณสมชายบอกว่าความสำเร็จของการทำนอกฤดูอยู่ที่การควบคุมการแตกใบอ่อนให้ได้ เพราะถ้าต้นแตกยอดอ่อนจะทำให้สลัดลูกทิ้ง โดยเดิมทีนั้นชาวสวนจะพ่นแพคโคลบิวทราโซลบ้าง ใช้ปุ๋ยตัวท้ายสูงเพื่อกดใบอ่อนบ้าง หรือการใช้ฮอร์โมนบ้าง แต่สุดท้ายก็จะยังมีใบอ่อนแตกออกมาอยู่ดี คุณสมชายแก้ปัญหาใบอ่อนด้วยการเด็ดยอดทิ้งโดยให้คนงานเดินเด็ดยอดเลย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยากเพราะต้นชมพู่ของคุณสมชายต้นจะเตี้ยอยู่แล้ว แต่วิธีการเด็ดยอดจะไม่เหมาะกับชมพู่ที่ไม่ได้ควบคุมทรงพุ่มและต้นสูง การให้ผลผลิตและการจำหน่าย  ชมพู่จะไม่มีการออกดอกติดผล มีแต่จะติดผลดกจนเกินไป จึงต้องมีการปลิดออกบ้าง เพื่อให้ได้ลูกใหญ่ คุณสมชายบอกว่าชมพู่จะติดกี่ลูกก็ตามก็จะไว้เพียง 4 ลูก และ 1 ต้นก็จะไว้ผลไม่เกิน 120 ช่อหรือพวง จะทำให้ได้ลูกใหญ่ 6 ลูก/กก. โดยชมพู่จะใช้เวลาตั้งแต่ออกดอกจนถึงห่อผล 60 วัน และจากห่อจนถึงเก็บ 30 วัน หือออกดอกถึงเก็บ 90 วัน โดยชมพู่จะให้ผลผลิตช่วงในฤดู 2-3 ชุด และให้ผลผลิตนอกฤดูอีก 2-3 ชุด แต่ละชุดก็จะเก็บผลผลิตประมาณ 10-15 วันจึงหมดชุด หลังหมดชุดนี้ก็ห่อผลเพื่อทำชุดใหม่ต่อไปเลยเพราะชมพู่จะมีดอกออกตลอดทั้งปีอยู่แล้ว โดยในรอบ 1 ปี คุณสมชายบอกว่าน่าจะเก็บผลผลิตประมาณ 1 แสนกิโลกรัมต่อปี รายได้ต่อปีก็หลักล้าน แต่ชมพู่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทั้ง ปุ๋ย ยา แรงงานรวมแล้วก็ 5-6 แสนบาทต่อปี คำนวณต้นทุนแล้วก็น่าจะอยู่ที่ 16-18 บาท/กก. หลังจากที่มีปัญหาการส่งออกไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้ก็ทำให้ผลตอบแทนลดลงไปมาก เพราะผลผลิตที่ขายในบ้านเราราคาสู้ส่งออกไม่ได้ แต่ก็บ้างที่ส่งผลผลิตไปจีนแต่ผลผลิตก็ไม่มากนัก ราคาชมพู่บ้านเราที่ขายในช่วงนอกฤดูอยู่ที่ 50-70 บาท/กก. ราคาในบ้านเราก็จะยืนที่ 20-30 บาท/กก. ช่วงต้นปี ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมาราคาบ้านเราก็ 20-30 บาท แต่ราคาช่วงตรุษจีนที่ส่งไปจีน 70-80 บาท/กก. บางส่วนมีส่งไปมาเลย์ ฮ่องกง ไต้หวัน ราคาถูกลงมานิดหน่อย 40-50 บาท/กก. ส่วนราคาในบ้านเรา 30-40 บาท/ กก.คุณสมชายมองว่าอนาคตของชมพู่หากสามารถแก้ปัญหาเรื่องแมลงวันทองจนสามารถทำให้ชมพู่ของไทยได้กลับไปส่งจีนได้อีกรอบ ความหวังของชาวสวนชมพู่ก็จะกลับมาอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแมลงวันทองกับจีนได้ ชมพู่ก็จะป้อนแต่ตลาดในบ้านเราซึ่งราคาจะไม่สูงมาก และไม่จูงใจให้ชาวสวนปลูก ดังนั้นพื้นที่ปลูกก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ชาวสวนเขตราชบุรีกำลังให้ความสนใจมะนาว และหลายแปลงที่ชมพู่อายุมากก็จะเปลี่ยนมาปลูกมะนาว ต้องยอมรับว่ามะนาวกระแสมาแรงจริงๆ จนน่าห่วงในด้านของผลผลิตโดยเฉพาะมะนาวในฤดูกาล กลุ่มเกษตรก้าวใหม่ by Rakkaset Nungruethail (คุณหนึ่ง) บรรณาธิการ หนังสือรักษ์เกษตรมีจำหน่ายที่ห้างชั้นนำทั่วไป แหล่งที่มา; http://www.vigotech.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539858060&Ntype=8
[fbcomments url="http://54.254.250.208/en/knowledge/%e0%b8%8a%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%8c-2/" width="375" count="off" num="3" title="Comments" countmsg="wonderful comments!"]

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save